เงินกู้ดอกเบี้ยแบบคงที่ ควรจะหมดไปได้แล้ว
เงินกู้ดอกเบี้ยแบบคงที่ ควรจะหมดไปได้แล้ว
ปัจจุบันแล้วในบ้านเรา นอกจากเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยกับเงินกู้เพื่อธุรกิจแล้ว เงินกู้ลักษณะอื่นๆจะคิดดอกเบี้ยแบบอัตราคงที่หรือ flat rate กันทั้งนั้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือไฟแนนซ์รถยนต์ที่ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงินหรือธนาคารเองก็ตาม ต่างก็คิดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่กันทั้งนั้น
การคิดดอกเบี้ยในลักษณะแบบนี้ กรณีเป็นเงินกู้ในระบบเช่นไฟแนนซ์รถยนต์เป็นต้น ผู้ให้กู้จะทำให้ดูเหมือนว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำมากๆ เช่น 4% ต่อปีเป็นต้น ตัวอย่างหากเรากู้เงิน 12,000 บาท และคืนเงินต้นเดือนละ 1,000 รวม 12 เดือน จะพบว่าดอกเบี้ยทั้งหมดที่ถูกคิดต่อปีคือ 480 บาท เฉลี่ยหารไปทั้ง 12 เดือนตกดอกเบี้ยเดือนละ 40 บาท เท่ากับต้องผ่อนเดือนละ 1040 บาท
คราวนี้หากเรามาคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกแบบง่ายๆ จะพบว่าอัตราดอกเบี้ยจะตกเดือนละ 0.33% ดังนั้นเดือนแรกจะประมาณ 40 บาทเท่ากัน แต่พอเดือนต่อมาเนื่องจากเราส่งคืนเงินต้นไปแล้วด้วยอีก 1,000 บาท จะทำให้เงินกู้คงเหลือเพียง 11,000 บาทเท่านั้น ดอกเบี้ยของเดือนถัดไปก็จะเหลือเพียง 36.67 บาท จนถึงเดือนสุดท้ายเงินต้นเหลือเพียง 1,000 บาท ดอกเบี้ยก็จะเหลือเพียง 4 บาท เท่านั้น
หากรวมดอกเบี้ยทั้งหมด ตามวิธีหลังจะพบว่าอยู่ที่ประมาณ 260 บาทเท่านั้น ซึ่งต่างจากตัวเลข 480 บาท เกือบเท่าตัว ซึ่งตามหลักการโดยทั่วไปแล้ว อัตราดอกเบี้ย 4% แบบคงที่ จะคิดได้เท่ากับ 4% x 1.9 หรือราวๆ 7.6% แบบลดต้นลดดอกนั่นเอง
จะว่าไปแล้ว การนำเสนออัตราดอกเบี้ยแบบคงที่นั้น อาจจะเพื่อให้คำนวนได้ง่าย ทำให้ตัวเลขดูต่ำ แต่ในความเป็นจริงแล้วคนทั่วไปเข้าใจผิดกันมาก นึกว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเงินกู้ธนาคารเสียอีก โดยหารู้ไม่ว่าเป็นการคิดเลขแบบตบตา สร้างความเข้าใจผิดให้กับคนส่วนใหญ่มานาน
และที่น่าปวดใจที่สุด ก็คงจะเป็นกรณีที่เราต้องการปิดยอดไฟแนนซ์ก่อนกำหนด ซึ่งทุกคนรับรู้กันว่าจะมีการคืนดอกเบี้ยที่ยังคงค้างจากการคิดที่การผ่อนทั้งหมด 50% ด้วยกัน
ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่า อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ด้านบน คือเดือนละ 40 บาท หากจ่ายไปแล้ว 6 เดือน ยังเหลืออีก 6 เดือน ดอกเบี้ยทั้งหมดที่ยังเหลือคือ 6 x 40 = 240 บาท ทางไฟแนนซ์จะคิดเพียง 120 บาท จะขอบอกว่า ความเข้าใจแบบนี้คือการเข้าใจผิด
พอถึงคราวจะคิดอัตราดอกเบี้ยเพื่อที่จะให้ส่วนลด 50% ทางไฟแนนซ์กลับคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกซะง้น โดยหากคิดแบบลดต้นลดดอก ดอกเบี้ยคงค้างจะอยู่ที่ประมาณ 74 บาท (ตัวอย่างข้างบนเดือนสุดท้ายดอกเบี้ยเหลือเพียง 4 บาท เท่านั้น) ดังนั้นพอหักส่วนลด 50% เราจะได้คืนยอดดอกเบี้ยเพียงราวๆ 38 บาทเท่านั้น ไม่ใช่ 240 บาท ตามที่เราจินตนาการ จะเห็นได้ว่าเราผ่อนไปแล้วครึ่งทาง ดอกเบี้ยคืนจะเหลือแทบไม่ถึงอัตราดอกเบี้ยเดือนเดียวด้วยซ้ำ
เรื่องแบบนี้จะเอาผิดใครได้ เพราะ ธนาคารแห่งประเทศไทยออกกฏมาเอง แต่รายละเอียดไม่ชัดเจน สถาบันการเงินเลยหาวิธีการแบบศรีธนชัยเอาเปรียบเราอยู่เรื่อยนั่นเอง
1392 total views, 1 today